โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆของคนทั่วโลกโดยโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทย
5 อันดับของประเทศไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม
มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตามลำดับ
จากสถิติโรคมะเร็งของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2567
พบว่าในแต่ละปีมีคนไทยป่วยเป็นมะเร็งรายใหม่ประมาณ 140,000 คน เสียชีวิตประมาณ 83,000 คน
การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษานับเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องโดยในปัจจุบันนวัตกรรมที่ให้ประสิทธิภาพสูงและเกิดผลข้างเคียงน้อยคือการรักษาด้วยการใช้อนุภาคโปรตอนซึ่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย
เริ่มเตรียมการให้บริการมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2557และนับว่าเป็นบริการการรักษาโรคมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนเป็นแห่งแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พร้อมทั้งยังได้รับพระราชทานชื่อจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ว่า “ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” อีกทั้งทรงให้การสนับสนุน
และตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาโรคมะเร็งอย่างครบวงจรในประเทศไทย
เพื่อยกระดับและพัฒนาด้านวิธีการรักษาโรคมะเร็งให้ดียิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ปลอดภัยที่สุดตามมาตรฐานระดับสากล
โปรตอนเป็นอนุภาคที่ได้จากเครื่องเร่งอนุภาคไซโคลตรอน
ซึ่งสามารถมุ่งเป้าในการรักษาได้ด้วยการกำหนด
ทิศทางเข้าไปยังก้อนมะเร็งได้อย่างตรงจุดมากยิ่งกว่ารังสีปกติ
ทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่โดยรอบก้อนมะเร็ง
ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังจะได้รับปริมาณรังสีที่น้อยหรือแทบไม่โดนรังสี
ผลกระทบจากรังสีตกค้าง ในร่างกายจึงมีผลดีกว่ารูปแบบอื่น การรักษาด้วยอนุภาคโปรตอน
แพทย์มักจะเลือกใช้รักษามะเร็งในส่วนที่ก้อนเนื้อใกล้เคียงกับอวัยวะสำคัญ
หรืออวัยวะที่สัมผัสรังสีไม่ได้ เช่น มะเร็งกระดูกฐานกะโหลกศีรษะ
มะเร็งบริเวณไซนัส หรือ มะเร็งตับ เป็นต้น
อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทุกเพศ ทุกช่วงวัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเด็ก
เพราะรังสีที่ตกกระทบอวัยวะปกติข้างเคียงมากเกินไปจากการรักษาด้วยรังสีปรับความเข้ม
ย่อมมีผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็ก
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2562 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในการติดตั้งเครื่องไซโคลตรอน ณ “ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564
“ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”
เริ่มเปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันรวมมีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาทั้งสิ้นจำนวนมากกว่า 865 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567)ซึ่งจำแนกออกเป็นประเภทของกลุ่มโรค 3 อันดับแรกที่มาเข้ามารับการักษา
ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ และมะเร็งในสมอง โดยเป็นคนไทย 90% และ ชาวต่างชาติ 10%
ศูนย์โปรตอนสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
นับเป็นมิติใหม่ของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียนซึ่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์ต้นแบบในการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เพื่อมอบการรักษาที่ดีที่สุดและเข้าถึงง่ายที่สุดให้แก่ผู้ป่วยทุกคน
ประโยชน์ในการรักษามะเร็ง
ด้วยเครื่องโปรตอน
ด้วยเทคโนโลยีของเครื่องโปรตอนมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการรักษาโรคมะเร็ง
ซึ่งมีทั้งกลุ่มโรคที่มีผลการศึกษาวิจัยรองรับ
และกลุ่มโรคที่อยู่ในระหว่างการศึกษา
ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง
โรคมะเร็งที่สามารถรักษาได้ ด้วยอนุภาคโปรตอน อ้างอิงจาก ASTRO
Model Policies 2017 และ JASTRO 2017 แบ่งออกเป็น
กลุ่มโรคที่มีผลการศึกษารองรับประโยชน์ของอนุภาคโปรตอน
· โรคมะเร็งในเด็ก (Pediatric Tumors)
· เนื้องอกและมะเร็งที่ฐานกะโหลกศีรษะ (Base of Skull Tumors)
· เนื้องอกและมะเร็งในสมองและไขสันหลัง (Brain and Spinal Tumors)
· โรคมะเร็งตา (Ocular Tumors) -โรคมะเร็งหูคอจมูก (Head
and Neck Cancers)
· โรคมะเร็งตับ (Hepatocellular Cancer) – โรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน
(Soft Tissue)
· โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) -โรคมะเร็งที่ต้องได้รับการฉายรังสี
(Re-rradiation)
กลุ่มโรคที่อยู่ในระหว่างการศึกษายืนยัน
ถึงประโยชน์ของอนุภาคโปรตอน
· โรคมะเร็งปอดและทรวงอก (Lung and Mediastinal Tumors)
· โรคมะเร็งทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Malignancies)
· ได้แก่ โรคมะเร็งหลอดอาหาร (Esophageal Cancer) โรคมะเร็งตับอ่อน (Pancreatic Cancer) โรคมะเร็งท่อน้ําดี
(Biliary Cancers)
· โรคมะเร็งในลําไส้ตรงและทวารหนัก (Rectal and Anal Cancer)
· โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer)
· โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer)
· โรคมะเร็งเต้านม (Breast Cancer)