เว็บไซต์รับบริจาคเงิน สภากาชาดไทย โดยสำนักงานจัดหารายได้ DonationHUB “รับ” เพื่อ “ให้”
TH
|
EN

ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดลดอัตราการเสียชีวิตและความพิการรุนแรง

29/05/2025 - 29/05/2026
โครงการต่อเนื่อง
ชวนเพื่อนมาบริจาค
คัดลอกแล้ว

โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของอัตราการเสียชีวิตของคนไทยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุน้อยกว่า 70 ปี โดยสถานการณ์ทั่วโลกพบว่า 1 ใน 4 ของประชากร ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองมากกว่า 12 ล้านคน (ทุกๆ 3 วินาที พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 คน) และเสียชีวิตมากถึง 6.5 ล้านคน สำหรับประเทศไทยข้อมูลจากระบบรายงานฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 พบผู้ป่วยสะสม โรคหลอดเลือดสมองจำนวน 358,062 ราย และเสียชีวิตจำนวน 39,086 ราย โดย 30% อาจเสียชีวิต  30% พิการรุนแรง ขยับแขนขาไม่ได้ ปากเบี้ยว ส่วนผู้ป่วยอีก 40% มีโอกาสกลับคืนสู่สภาพปกติหรือมีอาการของโรคเหลืออยู่บ้าง

จากข้อมูลล่าสุดในปี 2568 ที่เผยแพร่โดยกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขพบว่าโรคหลอดเลือดสมองยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองจำนวนมากขึ้นทุกปี สถิติในปี 2567 ชี้ให้เห็นว่าประมาณ 7-8% ของการเสียชีวิตในประเทศไทยมาจากโรคหลอดเลือดสมอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการพบโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มวัยกลางคน (อายุ 30 -50 ปี) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ ปัจจัยเสี่ยงหลักที่เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงภาวะเครียดและการนอนไม่พอ

ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจรโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พัฒนาการให้บริการการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือด ทั้งการป้องกันการ เกิดโรค การรักษาและการดูแลต่อเนื่องระยะยาวโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ ในด้านการดูแลในระยะเฉียบพลัน ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองฯ เป็นผู้ริเริ่มให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำในผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดในระยะเฉียบพลันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และนำระบบ Stroke fast track มาใช้ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ส่งผลให้ในปัจจุบันได้มีการดำเนินการระบบ Stroke fast track อย่างแพร่หลายในประเทศไทยและในภูมิภาค ถือเป็นแนวทางการรักษามาตรฐานในผู้ป่วยโรคสมองขาดเลือดในระยะเฉียบพลัน ที่มีหลักฐานชัดเจนว่ายิ่งให้การรักษาเร็ว จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดความพิการของผู้ป่วยได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 4.5 ชั่วโมงแรกด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดดำ และมีการตรวจทางรังสีวิทยาโดยตรวจสมองและหลอดเลือดสมอง ได้แก่ การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ชนิด CT angiography และ CT perfusion เพื่อประเมินความรุนแรงของสมองขาดเลือดและการอุดตันของหลอดเลือดในระยะเฉียบพลัน รวมทั้งการตรวจคลื่นสะท้อนในสนามแม่เหล็ก (magnetic resonance imaging) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย

นอกจากนี้ยังมีการรักษาภาวะสมองขาดเลือดในระยะเฉียบพลันอีกวิธีหนึ่ง คือ การใส่อุปกรณ์ผ่านสายสวนหลอดเลือดเพื่อไปนำลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง (Mechanical thrombectomy) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการรักษาที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สามารถดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ที่มารับการรักษาภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการ ทำให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้จำนวนมาก นอกจากจะให้การรักษาผู้ป่วยที่มาโดยตรงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แล้ว ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองฯ ยังให้การรับปรึกษาและรับส่งต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจากโรงพยาบาลเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึง
การรักษาได้ทันภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งรับส่งต่อเพื่อรักษาโดยการทำ
mechanical thrombectomy

ผู้ป่วยสมองขาดเลือดเฉียบพลันทุกรายที่รับไว้ในการดูแลของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะได้รับการดูแลรักษาในหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Unit) ซึ่งเป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานทั่วโลก ในปัจจุบันมีการพัฒนาหอผู้ป่วยวิกฤตโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke ICU) ขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยสมองขาดเลือดเฉียบพลันที่มีภาวะวิกฤต ซึ่งทั้งสองหอผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากบุคลากรสหสาขาวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีอุปกรณ์การดูแลรักษาที่ครบถ้วน และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลผู้ป่วย มีหุ่นยนต์ Stroke robot ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้ติดต่อกับแพทย์ในหอผู้ป่วยและผู้ป่วยได้ตลอดเวลาทั้งในและนอกเวลาราชการ และเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาและสามารถออกจากโรงพยาบาล ก็ยังมีการดูแลต่อเนื่องในระยะยาว
เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ให้การดูแลรักษาเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ดูแลต่อไป

105
จำนวนผู้ร่วมบริจาค
354 วัน
ระยะเวลาคงเหลือ
ร่วมบริจาค