"มะเร็ง"
สาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย
สถานการณ์โรคมะเร็งในประเทศไทย
พบว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุ การเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ผู้ป่วยประมาณ 84,000
คนต่อปี และมีผู้ป่วยด้วยมะเร็งรายใหม่มากกว่า 140,000
คนต่อปี หรือ 400 คนต่อวัน ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค
โรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรกในคนไทย คือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งปากมดลูก
ผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุบัติการณ์ของโรคสูงขึ้น
ซึ่งสถิติการรับบริการ OPD
เป็นผู้ป่วยรายใหม่และรายเก่าในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ประมาณ 350 รายต่อวัน เนื่องจากพื้นที่รองรับการบริการผู้ป่วยในจำกัด
ชึ่งต้องลงทะเบียนและเข้าตรวจที่อาคาร ภปร ร่วมกับผู้ป่วยด้วยโรคอื่นๆ
อีกทั้งผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
จำเป็นต้องมีญาติมาด้วยอย่างน้อย 2 ท่าน ทำให้จำนวนผู้ป่วยและญาติต่อวัน ประมาณ 1,000 ราย ทำให้การเข้ามารับการตรวจที่ อาคาร ภปร แออัดเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
อีกทั้งเทคโนโลยีการรักษาโรคมะเร็งก้าวหน้าไปมาก
ทั้งการตรวจวินิฉัยและวิธีการรักษา
ทำให้ผู้ป่วยใหม่ต้องพบแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งต่างๆ หลายขั้นตอน
หลายครั้งกว่าจะได้รับวิธีการรักษาที่เหมาะสม
เนื่องจากเวลาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกตรวจไม่ตรงกัน ผู้ป่วยต้องนัดหมายมาในครั้งต่อไป
ประกอบกับอาคารสำหรับให้บริการในการรักษาโรคมะเร็งมีสภาพอาคารที่เก่า
และพื้นที่จำกัด ไม่สามารถขยายการบริการรองรับผู้ป่วยให้นอนโรงพยาบาลเพิ่มได้
นอกจากนี้เครื่องมือทางรังสีมีอายุการใช้งานมายาวนานจำเป็นต้องมีการจัดหาเครื่องมือรังสีวิทยาทดแทนประกอบให้บริการฉายแสงในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มากถึง
2,500 รายต่อปี
จึงมีความจำเป็นต้องมีการจัดหาเครื่องมือเพิ่มเติม
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย
ได้วางแผนพัฒนาศักยภาพการดูแลรักษาโรคมะเร็ง โดยปรับปรุงอาคารที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
หลังเก่า 4 อาคาร คือ อาคารคัคณางค์และนวมินทราชินี อาคารเอลิสะเบธ และ
อาคารว่องวานิช ให้เป็น "ศูนย์รักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการ
" ซึ่งเป็นอาคารสูง 9 ชั้น
เชื่อมต่อกับอาคารนวมินทราชินีที่เป็นอาคารสูง 11 ชั้น เพื่อให้สามารถขยายการบริการรองรับผู้ป่วยมะเร็ง
ซึ่งค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
การจัดหาเครื่องมือแพทย์เพื่อการตรวจคัดกรอง ตรวจวินิจฉัยและรักษา
ซึ่งมีอายุการใช้งานมานานจำเป็นต้องมีการจัดหาเครื่องมือทางรังสีวิทยาทดแทน รวมแล้วต้องใช้วงเงินประมาณ
1,227 ล้านบาท ซึ่งเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 – 2569 ในปี 2568
สภากาชาดไทยต้องเร่งระดมทุนโดยใช้งบประมาณราว 600 ล้านบาท เพื่อให้ศูนย์รักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการหลังนี้ได้เปิดให้บริการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ทันในปี
พ.ศ. 2569
"ศูนย์รักษาโรคมะเร็งแบบบูรณาการ"
จะสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งในภาพรวมได้มากขึ้น
เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย
ปัจจุบัน
ผู้ป่วยมะเร็ง OPD
รองรับได้ 300 รายต่อวัน และจะสามารถรองรับเพิ่มเป็น 400 รายต่อวัน
เนื่องจากการขยายพื้นที่บริการ การตรวจวินิจฉัยด้วยเครื่องมือทางรังสี คาดการณ์ระยะการรอไม่เกิน
2 เดือน จากเดิมมีระยะในการรอ 6 เดือน การให้เคมีบำบัด (Chemotherapy) ในผู้ป่วยที่ไม่ได้นัด ปัจจุบันรองรับได้ 80 % คาดว่าในอนาคตสามารถรับได้
100 % และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับบริการ ประมาณ 150 ราย/เดือน
ขณะที่ผู้ป่วยที่นัดหมาย ปัจจุบันรองรับได้ 1,200 ราย/เดือน คาดว่าอนาคตจะรับได้
1,900 ราย/เดือน ด้านผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์ แบบ IPD ปัจจุบันระยะเวลารอรักษา
10 - 12 สัปดาห์ คาดว่าอนาคตจะสามารถลดระยะเวลารอรักษาไม่เกิน 5 สัปดาห์
และผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์ ที่มารับการรักษาด้วยแร่กัมมันตรังสีแบบ Day care ปัจจุบันรองรับได้ 5 ราย/เดือน คาดว่าอนาคต รองรับเพิ่มได้เป็น 10
ราย/เดือน และ ลดขั้นตอนการพบแพทย์ จากเดิมมากกว่า 6 ขั้นตอน ลดเหลือประมาณ 4-5
ขั้นตอน ลดระยะเวลาการ วินิจฉัยลง 1-2 เดือน