“มะเร็งเต้านม”
คำสั้นๆ ที่สร้างความหวาดกลัวและเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนนับล้าน
มะเร็งเต้านมในประเทศไทยมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นทุกปีตัวเลขของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เพิ่มขึ้น
ในแต่ละปีกว่า 22,158 คน ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามะเร็งเต้านมโดยการผ่าตัด
การให้ยาเคมีบำบัดและการฉายแสงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้นายแพทย์กฤษณ์ จาฏามระ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งได้เล็งเห็นความสำคัญ
และริเริ่มจัดโครงการศูนย์มะเร็งเต้านมขึ้นตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ว่า
“ฉันอยากให้ศูนย์ฯ นี้
เป็นที่พึ่งของผู้หญิง” นอกจากนี้ได้มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โปรดเกล้าฯ
สละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นจำนวน 2 ล้านบาทเพื่อเป็นทุนก่อตั้ง
และทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์โครงการฯ พร้อมทั้งได้พระราชทานนาม
“ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2548
ซึ่งผู้ป่วยทุกคนของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ
จะมีพยาบาลที่ปรึกษาเฉพาะ เพื่อให้คำแนะนำ และเป็นกำลังใจแก่ผู้ป่วย
ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการตรวจ อธิบายขั้นตอนการรักษา และติดตามดูแล
ตลอดทุกขั้นตอนระหว่างการรักษา
ปัจจุบันแม้การรักษาโรคมะเร็งเต้านมทำได้หลายวิธีทั้งการผ่าตัด
การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การฉายรังสี หรือการใช้ยาต้านฮอร์โมน
จะช่วยยึดชีวิตผู้ป่วยได้ แต่สำหรับบางคน...ฝันร้ายยังไม่จบ
มะเร็งอาจกลับมาอีกครั้ง พร้อมด้วยผลข้างเคียงที่ทำให้คุณภาพชีวิตย่ำแย่ลง
IMMUNOTHERAPY ความหวังใหม่ของการรักษามะเร็ง ด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
"ภูมิคุ้มกันบำบัด" (Immunotherapy)
ระบบภูมิคุ้มกันเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษามะเร็ง โดยใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันพื้นฐานในร่างกายที่มีมากที่สุดในร่างกาย
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (T-cel) แล้วให้ไปกำจัดเซลล์มะเร็งในร่างกาย
ผลลัพธ์จากการรักษาผู้ป่วยรายแรกของศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนากเพื่อโรคมะเร็งเต้านม
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พบว่าเซลล์มะเร็งในร่างกายผู้ป่วยเป็นศูนย์
โดยมีอาการข้างเคียงน้อย และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างชัดเจน
ตอกย้ำความจริงที่ว่า "มะเร็งเต้านมรู้เร็ว รักษาเร็วโอกาสหายสูงกว่า
90%"
รศ.นพ.กฤษณ์
จาฏามระ หัวหน้าศูนย์สิริกิติ์ บรมราชินีนาถเพื่อโรคมะเร็งเต้านม
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ศึกษาวิจัยและวางแผนการรักษาจนค้นพบแนวทางใหม่ในการรักษามะเร็งเต้านมด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
ซึ่งใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันพื้นฐานในร่างกาย โดยเฉพาะ T-call ที่เปรียบเสมือนทหารในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็งปัจจุบันศูนย์ฯ
ได้นำการรักษาด้วยเซลล์ภูมิคุ้มกันบำบัดมาใช้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมชนิดลุกลามหรือรักษายากโดยเฉพาะในรายที่มะเร็งยังคงอยู่หลังการรักษาด้วยวิธีอื่นหรือเข้ารับการรักษาล่าช้าในการฉีดเซลล์ภูมิคุ้มกันครั้งที่
2 ซึ่งเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันเริ่มทำลายเซลล์มะเร็ง
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ปวดข้อหรือตุ่มน้ำใส ซึ่งจะเกิดเพียงช่วงสั้นๆหลังจากรักษาไป 6 เดือนอาการของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เหนื่อย
ไม่พบน้ำในปอดอาการปวดกระดูกหายไป และไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดอีก
ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติจุดเด่นของการรักษานี้ คือเซลล์ภูมิคุ้มกันสามารถเข้าถึงทุกส่วนของร่างกาย
รวมถึงสมองซึ่งการรักษาด้วยเคมีบำบัดไม่สามารถทำได้ผลลัพธ์จากรักษาคนไข้รายแรกสำเร็จ
ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม
ได้นำระบบภูมิคุ้นบำบัดมาช่วยรักษาคนไข้มะเร็งเต้านมรายอื่นๆ และดาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลง
1 ใน 3 จากค่าใช้จ่ายของคนไข้รายแรก
ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดด้วย